ใบหน้าเราแก่ลงได้ยังไง (Aging face; soft tissue) EP.2

Aging-face

“หน้าแก่ เหี่ยว”

เมื่อเราก้าวเข้าสู่วัยที่มากขึ้น สัญญาณของความชราบนใบหน้าก็เริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีผลต่อรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในที่ซับซ้อน

การทำความเข้าใจกลไกและพยาธิสภาพของการชราจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ผู้ที่ต้องการรักษาสามารถเลือกวิธีการฟื้นฟูที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด การทำความเข้าใจภาพรวมของการชราและแนวทางการรักษาที่ถูกต้องทำให้แพทย์สามารถดูแลใบหน้าและรักษาความอ่อนเยาว์ได้ตรงกับปัญหาค่ะ

I บทนำ

การมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ไม่เพียงแค่ส่งผลต่อความสวยงามภายนอก แต่ยังส่งผลลึกซึ้งต่อจิตใจและอารมณ์ของเรา ใบหน้าที่คงความอ่อนเยาว์สะท้อนถึงความมั่นใจและพลังชีวิต ช่วยเสริมสร้างความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง ในทางตรงกันข้าม สัญญาณของความชราอาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับรูปลักษณ์และลดความมั่นใจ

การเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าและการดูแลรักษาที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการฟื้นฟูความสมดุลและความอ่อนเยาว์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งร่างกายและจิตใจ

การเปลี่ยนแปลงของใบหน้าตามอายุเริ่มจากการยุบตัวของกระดูกใบหน้า ซึ่งทำให้โครงสร้างรองรับเนื้อเยื่ออ่อนลดลง เนื้อเยื่อไขมันฝ่อและย้ายตำแหน่ง กล้ามเนื้อสูญเสียความยืดหยุ่น และผิวหนังเกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย

ปัจจัยภายในและภายนอกเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการเสื่อมสภาพ ทำให้ใบหน้าดูมีอายุและสูญเสียความสมดุล

ในบทความนี้ เราจะสำรวจโครงสร้างเนื้อเยื่ออ่อนเหนือกระดูก ตั้งแต่ไขมันชั้นลึก, กล้ามเนื้อ, ถุงหุ้มกล้ามเนื้อ (SMAS), ไขมันชั้นตื้น ไปจนถึงชั้นผิวหนัง เพื่อดูว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีผลอย่างไรต่อใบหน้า และวิธีการฟื้นฟูเพื่อคงความอ่อนเยาว์ของใบหน้าได้อย่างไร

II ารสูญเสียปริมาตรบนใบหน้า: สาเหตุจากการสลายตัวของกระดูกและวิธีการฟื้นฟู

เมื่ออายุมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงของใบหน้าที่เกิดจากการสลายตัวของกระดูกเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในโซนสำคัญ 4 ส่วน ได้แก่ โซนรอบดวงตา, โซนกลางใบหน้า, โซนบริเวณรอบจมูก, และบริเวณกราม แต่ละส่วนมีรายละเอียดดังนี้:

1 โซนรอบดวงตา (Periorbital Region) 

ช่องตาขยายขึ้นตามอายุ ทั้งในด้านพื้นที่และความกว้าง การสลายตัวเกิดขึ้นไม่สม่ำเสมอ โดยขอบตาด้านบนใน (Superior medial) และด้านล่างนอก (Inferolateral) มีการสลายตัวมากกว่าบริเวณอื่น โดยทั่วไป ขอบตาด้านล่างนอกเริ่มสลายตัวก่อนในวัยกลางคน ขณะที่ขอบตาด้านบนในจะสังเกตเห็นได้ในช่วงวัยชรา ส่วนขอบตาด้านล่างในมีแนวโน้มสลายตัวชัดเจนในเพศชาย แต่ส่วนกลางของขอบตาบนและล่างยังคงมีความเสถียรอยู่

2 โซนกลางใบหน้า (Midface) 

การสลายตัวของกระดูกโครงกลางใบหน้าชัดเจน โดยเฉพาะที่กระดูกกลางหน้า (Maxillary bone) และบริเวณรอบจมูก (Piriform bone) การสลายตัวนี้สัมพันธ์กับการลดลงของปริมาตรของกระดูกในบริเวณนี้ ทำให้ใบหน้าดูแก่ขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการยุบตัวของแก้ม การสลายตัวของกระดูกในโครงกลางใบหน้าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและนำไปสู่การสูญเสียปริมาตรของเนื้อเยื่ออ่อนและทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นและการหย่อนคล้อยของผิวหนัง

3 โซนบริเวณรอบจมูก (Perinasal Changes) 

กระดูกจมูกมีการเปลี่ยนแปลงตามอายุ รวมถึงการลดลงของความสูงของกระดูกจมูกและการแคบลงของช่องจมูก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้จมูกดูเล็กลงและเปลี่ยนรูปร่างเมื่อเทียบกับรูปแบบเดิม

4 บริเวณกราม (Lower Face)

กรามแสดงการสลายตัวชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณรอบคาง การลดลงของกระดูกกราม (Mandible bone) ส่งผลให้ปริมาตรที่คางลดลงและทำให้ผิวหนังบริเวณนี้หย่อนคล้อย ซึ่งมักเรียกว่า “แก้มห้อย” หรือ “หน้าไม่เรียว”

การประยุกต์ใช้ทางคลินิกในการฟื้นฟูใบหน้า

     ความเข้าใจในกระบวนการสลายของกระดูกทำให้แพทย์สามารถวางแผนการฟื้นฟูใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ การปรับปรุงโครงกระดูกใบหน้าช่วยลดการหย่อนคล้อยและริ้วรอย พร้อมทั้งฟื้นฟูรูปร่างโดยรวมของใบหน้าให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน นอกจากนี้ ยังสามารถใช้วิธีการเสริมกระดูกใบหน้าด้วยเม็ดไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Hydroxyapatite) เพื่อเพิ่มปริมาตรเฉพาะจุดโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด

ผลกระทบจากการสลายตัวของกระดูกใบหน้า

     เมื่อกระดูกใบหน้าสลายตัว เนื้อเยื่อกระดูกหุ้มชั้นนอก (Periosteum) จะถอยร่น ทำให้การยึดติดของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลให้โครงสร้างเหล่านี้ยึดเกาะกับเนื้อเยื่อรอบ ๆ น้อยลง และเนื้อเยื่อดูหย่อนคล้อย

ผู้ที่มีโครงสร้างกระดูกที่แข็งแรงมีแนวโน้มที่จะแก่ช้ากว่า โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา, กลางแก้ม, และใต้กราม ที่มักเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด

ข้อบ่งชี้ทางคลินิกและการรักษา

     การเสริมกระดูกใบหน้าด้วยเม็ดไฮดรอกซีอะพาไทต์สามารถเพิ่มปริมาณเฉพาะจุดได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ในการฟื้นฟูใบหน้าอย่างได้ผล

aging change man 1

Aging changes

จากการสูญเสียไขมัน

aging change woman 1

Aging changes

จากการสูญเสียไขมัน

aging change man 2

Aging changes

จากการสูญเสียไขมัน

aging change woman 2

Aging changes

จากการสูญเสียไขมัน

III ผลกระทบของการสูญเสียไขมัน

     แพทย์จะประเมินการชราของใบหน้าเมื่อคนไข้เข้ามาปรึกษา อย่างไรก็ตาม กระบวนการชรานั้นเริ่มต้นตั้งแต่เกิดและค่อยๆ เกิดขึ้นตลอดชีวิต หลังจากการพัฒนาเต็มที่ในช่วง 22 ปีแรกของชีวิต เนื้อเยื่อของร่างกายจะค่อยๆ เสื่อมลงอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถเห็นได้ชัดเจนในชั้นผิวหนังและไขมัน

     การใช้ชีวิตที่มีผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด สามารถเร่งกระบวนการชราได้ แต่ความเร็วของการเปลี่ยนแปลงนี้อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล

การเปลี่ยนแปลงของไขมันในชั้นต่าง ๆ บนใบหน้า:

1 ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat): 

     ชั้นไขมันนี้มักลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังห่อเหี่ยวและหย่อนคล้อยมากขึ้น การสูญเสียไขมันในบริเวณนี้ทำให้เกิดร่องลึกเช่น ร่องน้ำตา (Tear-Trough) และร่องแก้ม (Nasolabial Fold)

2 ไขมันในช่องปากและใต้กระดูก (Deep Fat Compartments): 

     การสูญเสียไขมันในชั้นนี้ส่งผลให้กระดูกโหนกแก้มและขากรรไกรสูญเสียโครงสร้างและการสนับสนุน ซึ่งทำให้เกิดการยุบตัวและร่องลึกที่ชัดเจนมากขึ้น

การสูญเสียเนื้อเยื่อไขมันสามารถเกิดขึ้นได้ในทั้งสองชั้น ดังนั้น การฉีดไขมันเข้าไปทดแทนจึงเป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ในการชะลออัตราการเสื่อม โดยเทคนิคที่นิยมมีอยู่ 3 แบบ ได้แก่:

1 Millifat (ไขมันขนาด 2 มม.): 

ใช้สำหรับการสูญเสียไขมันในชั้นลึกและกระดูก ช่วยเติมเต็มและเสริมสร้างปริมาตรในพื้นที่ที่มีการยุบตัวมาก

2 Microfat (ไขมันขนาด 1 มม.): 

ใช้สำหรับการสูญเสียไขมันในชั้นกลาง เพื่อเติมเต็มและฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่อยู่เหนือกล้ามเนื้อใบหน้า

3. Nanofat (ไขมันขนาด 500 ไมครอน): 

ใช้ในการฉีดภายในผิวหนังหรือเป็นครีมชีวภาพสำหรับการใช้งานภายนอก เพื่อปรับปรุงโครงสร้างของผิวหนังและฟื้นฟูสุขภาพผิว

การปลูกถ่ายไขมันตามกายวิภาค
(Anatomic Fat Grafting):

การใช้ไขมันที่มีขนาดแตกต่างกันในการปลูกถ่ายช่วยให้สามารถเติมเต็มและทดแทนเนื้อเยื่อที่สูญเสียไปได้อย่างเหมาะสมที่สุด โดยประโยชน์ของการใช้เทคนิคนี้มีดังนี้:

1. การฟื้นฟูปริมาตร:  

การปลูกถ่ายไขมันสามารถเติมเต็มพื้นที่ที่สูญเสียเนื้อเยื่อ เช่น ร่องลึก คิ้ว และผิวหนังหย่อนคล้อย

2. การปรับปรุงโครงสร้างผิว:

Nanofat ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวหนัง เพิ่มความเรียบเนียน และลดริ้วรอย

3. การเพิ่มความยืดหยุ่น: 

การปลูกถ่ายไขมันช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และยืดหยุ่นขึ้น

คำแนะนำหลังการรักษา:

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดทับบริเวณที่ปลูกถ่ายไขมัน
  2. หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักหรือออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมากในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
  3. ติดตามผลการรักษาตามที่แพทย์กำหนดเพื่อประเมินผลลัพธ์

ข้อควรระวังของการปลูกถ่ายไขมัน:

  1. ความเสี่ยงของการติดเชื้อหรือการตอบสนองของร่างกายที่ไม่พึงประสงค์
  2. ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกายและคุณภาพของไขมันที่ปลูกถ่าย

หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายไขมัน โปรดติดต่อคลินิกของเราเพื่อรับคำปรึกษาและการประเมินใบหน้าของคุณอย่างละเอียดค่ะ

IV การชราของกล้ามเนื้อและถุงหุ้มกล้ามเนื้อ SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System)

โครงสร้างของใบหน้าจากบนสุดไปจนถึงส่วนลึก ประกอบด้วย 5 ชั้น:

  1. ชั้นที่ 1: ผิวหนัง ซึ่งประกอบด้วยชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้
  2. ชั้นที่ 2: ไขมันใต้ผิวหนัง
  3. ชั้นที่ 3: ชั้น Musculoaponeurotic ซึ่งประกอบด้วย SMAS และกล้ามเนื้อใบหน้า
  4. ชั้นที่ 4: เนื้อเยื่อหลวมและไขมันลึก
  5. ชั้นที่ 5: เยื่อหุ้มกระดูกและเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ

โครงสร้างและหน้าที่ของ SMAS:

     SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ทำหน้าที่เหมือน “หน้ากาก” ที่ครอบคลุมกล้ามเนื้อสำคัญที่ควบคุมการแสดงออกทางสีหน้า ชั้น SMAS ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ platysma, parotid fascia, และชั้น fibromuscular ที่อยู่เหนือแก้ม โดย SMAS แยกชั้นไขมันลึกและไขมันตื้นของใบหน้า และมีลักษณะเฉพาะในแต่ละส่วนของใบหน้า

     SMAS มีความเด่นชัดในบริเวณแก้ม (buccal), ขมับ (temporal), โหนกแก้ม (zygomatic), และกรามต่อช่วงคอ (platysma) นอกจากนี้ยังครอบคลุมกล้ามเนื้อขนาดเล็กและซับซ้อนเช่น orbicularis oculi, orbicularis oris, occipitofrontalis, และ levator labii superioris ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการแสดงออกทางสีหน้าและในการรักษาสัญญาณแห่งความชราของใบหน้า

พื้นที่ที่ SMAS ไม่ครอบคลุม:

     บริเวณหน้าผาก ร่องจมูกถึงปาก (nasolabial folds) และจมูก เป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รับการครอบคลุมโดย SMAS

ความหลากหลายทางสรีรวิทยาของ SMAS:

     บางนักวิจัยเรียกเครือข่ายกล้ามเนื้อและเยื่อหุ้มนี้ว่า “Superficial Musculoaponeurotic Fatty System” (SMAFS) ซึ่งมีทั้ง SMAS และไขมันเข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการเปลี่ยนแปลง SMAFS อาจมีรูปแบบต่าง ๆ เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม การฝ่อ การบาดเจ็บจากการฉีดโบท็อกซ์ซ้ำ ๆ และการใช้สเตียรอยด์

     รูปแบบต่าง ๆ ของ SMAFS มีผลต่อวิธีการผ่าตัดและผลลัพธ์ของการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า เทคนิคการผ่าตัด เช่น การยก การพับ การลดขนาด และการเชื่อมต่อกับเยื่อหุ้มกระดูก (bony periosteum) จะต้องสอดคล้องกับรูปแบบของ SMAFS เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จทั้งด้านความงามและการผ่าตัด

ข้อควรพิจารณาในการผ่าตัด (Surgical Considerations):

     การยกกระชับใบหน้า (Rhytidectomy) มักประกอบด้วยการยก SMAS ขึ้นเพื่อแก้ไขการหย่อนคล้อยของผิวหนังชั้นตื้น ไขมัน และกล้ามเนื้อที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การจัดการ SMAS นั้นมีประโยชน์มากสำหรับใบหน้าส่วนล่างมากกว่าส่วนกลางของใบหน้า

การรักษาด้วยการฉีดสาร Neuromodulator:

     การฉีดสาร Neuromodulator เช่น โบทูลินัมท็อกซิน (โบท็อกซ์) สามารถให้ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกับการทำ Rhytidectomy การฉีด Neuromodulator เป็นกระบวนการที่ไม่รุกราน ที่สามารถทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าที่เกี่ยวข้องกับการแสดงอารมณ์ตึงขึ้น และยังเปลี่ยนรูปร่างของ SMAS ที่อยู่เหนือกล้ามเนื้อได้โดยตรง

     ผู้ป่วยอาจเลือกการรักษานี้แทน Rhytidectomy เนื่องจากใช้เวลาพักฟื้นสั้นกว่าและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ทั้งนี้ ควรเริ่มการรักษาตั้งแต่ที่อาการยังไม่มาก

     ในปัจจุบันมีเครื่องมือยกกระชับชั้น SMAS โดยไม่ต้องผ่าตัดได้อีกด้วย SMAZ®︎

V การเปลี่ยนแปลงในชั้นหนังแท้และชั้นหนังกำพร้าและวิธีการรักษา

     การทำความเข้าใจในกระบวนการชราของผิวหนังเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลและรักษาผิว ลักษณะเด่นของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากอายุในผิวหนังได้แก่:

  1. ความหนาของหนังกำพร้าลดลง:
    ความหนาของชั้นหนังกำพร้าจะลดลงเฉลี่ยประมาณ 6.4% ต่อทศวรรษ ทำให้ผิวบางลงและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บมากขึ้น
  2. การลดลงของเนื้อเยื่อไฟโบรบลาสต์:
    ส่งผลให้การหมุนเวียนและการสร้างคอลลาเจนช้าลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและมีริ้วรอยเพิ่มขึ้น
  3. การสะสมของแคลเซียมในอีลาสติน:
    ทำให้ความยืดหยุ่นของผิวหนังลดลง ส่งผลให้ผิวแข็งและไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม

     เมื่อผิวหนังได้รับความเสียหายจากแสงแดดอย่างต่อเนื่อง ชั้นฐานของหนังกำพร้าและหนังแท้ (Basement Membrane) ที่มีรอยยัก (Repegs) ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมต่อชั้นผิวหนังและผิวหนังส่วนล่างจะเริ่มเสื่อมและแบนราบลง การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผิวบางลงและมีความเสี่ยงต่อการแยกตัวจากชั้นล่างของผิวหนังมากขึ้น การสูญเสียการหมุนเวียนของเลือดและการหลุดออกจาก rete pegs นี้เป็นผลที่พบได้บ่อยจากความเสียหายของแสงแดด ส่งผลให้ผิวมีลักษณะคล้ายกับการอักเสบเรื้อรัง

     การเข้าใจในกระบวนการชราของผิวหนังช่วยให้เราสามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระดับเซลล์และเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการพัฒนาวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูและรักษาความงามของผิวหนัง

     เพื่อเพิ่มความหนาของชั้นผิวหนังและลดปัจจัยภายนอกที่ส่งผลเสียต่อผิว เช่น แสงแดด เราสามารถกระตุ้นการสร้างเส้นใยใหม่ได้ ทั้งคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการใช้เลเซอร์ หรือการฉีดสารที่ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว

VI การฟื้นฟูผิวที่ชราและแนวทางครอบคลุมในการรักษา

     “การฟื้นฟูผิวที่ชรา: แนวทางครอบคลุมในการรักษาการเปลี่ยนแปลงของชั้นผิวหนัง”

     การฟื้นฟูผิวที่ชราเป็นกระบวนการที่ต้องใช้แนวทางที่ครอบคลุมในการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและยั่งยืนในการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวที่เริ่มมีสัญญาณของความชรา ทั้งในชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ การรักษาอย่างรอบด้านนี้ครอบคลุมถึงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น การใช้เลเซอร์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน การฉีดสารฟื้นฟูเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว และการป้องกันปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด ที่ส่งผลให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

     การผสมผสานระหว่างการรักษาเชิงป้องกันและการฟื้นฟูแบบเชิงลึกเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาผิวที่ชรา การปรับใช้เทคนิคและวิธีการต่าง ๆ อย่างเหมาะสมจะช่วยคืนความสดใส ความยืดหยุ่น และความแข็งแรงให้กับผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดีอีกครั้ง

     แนวทางการรักษาแบบองค์รวมนี้เป็นการตอบโจทย์ที่ครอบคลุมถึงความต้องการของผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิว ให้ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและเป็นธรรมชาติที่สุด โดยการให้ความสำคัญกับทุกปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการชราของผิวหนัง

❝Don’t waste a second of your time convincing other people you’re worth loving.❞

🖋️- Atticus

เอกสารอ้างอิง

Volume rejuvenation of the face.

Lamb J. Mo Med. 2010 May-Jun;107(3):198-202. PMID: 20629289 full text

Global Volumetric Assessment and Three-Dimensional Enhancement of the Face With Injectable Poly-L-lactic Acid.

Sherman RN. J Clin Aesthet Dermatol. 2010 Aug;3(8):27-33. PMID: 20877539 full text

Injectable Tissue Replacement and Regeneration: Anatomic Fat Grafting to Restore Decayed Facial Tissues.

Cohen SR, Womack H. Plast Reconstr Surg Glob Open. 2019 Aug 12;7(8):e2293. doi: 10.1097/GOX.0000000000002293. eCollection 2019 Aug. PMID: 31592023 fulltext

Anatomy, Skin, Superficial Musculoaponeurotic System (SMAS) Fascia.

Whitney ZB, Jain M, Zito PM. 2024 Jan 30. In: StatPearls [Internet]. Treasure Island (FL): StatPearls Publishing; 2024 Jan–. PMID: 30085556 full text